ปีที่ ๒ – บทที่ ๗

นั่งรถไฟไปกรุงเทพฯ

“มานีดีใจไหม พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯ แล้ว” มานะถามมานีในตอนเย็นวันศุกร์

“ดีใจซีค่ะ พี่มานะ พ่อแม่เราใจดีจังเลย” มานีตอบ

แล้วทั้งมานีและมานะ ก็เตรียมสิ่งของที่จำเป็นจะต้องเอาไปใช้ที่กรุงเทพฯ ตามที่แม่สั่ง เช่น แปรง ยาสีฟัน เสื้อผ้า และของใช้อื่นๆ

ตอนกลางคืน แม่เตรียมของใส่กระเป๋าใบใหญ่ พ่อคุยกับมานะและมานี พ่อเอาแผนที่มาให้ลูกทั้งสองคนดู มานะชี้แผนที่และบอกมานีว่ากรุงเทพฯ อยู่ตรงนี้ พ่อเล่าเรื่องกรุงเทพฯ ให้ฟังและบอกว่าจะพาไปพักที่บ้านลุง

พ่อ แม่ มานะ และมานี ออกเดินทางจากบ้านแต่เช้า แม่เอาปิ่นโตใส่อาหารไปด้วย เขาขึ้นรถยนต์ไปสถานีรถไฟ แล้วขึ้นรถไฟไปกรุงเทพฯ มานีชอบรถไฟมาก พ่อเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนรถไฟใช้ฟืน มานะชอบฟังเสียงรถไฟแล่น เวลารถไฟแล่นผ่านสะพาน มานะและมานีตกใจทุกที เพราะเสียงดังมาก

มานียืนที่หน้าต่างมองออกไป เห็นเหมือนแผนดินวิ่ง จึงบอกพ่อ พ่อบอกว่าแผ่นดินไม่ได้วิ่ง แต่เป็นเพราะรถไฟกำลังแล่น พ่อเตือนมานะและมานีไม่ให้ยื่นหัวหรือแขนออกนอกตัวรถ เพราะอาจได้รับอันตราย

รถไฟแล่นผ่านป่าไม้ ทุ่งนา คลอง แม่น้ำ และสวนหลายแห่ง ชาวนาและชาวสวนต่างก็ทำงานของตน ในแม่น้ำคนกำลังหาปลากันอยู่ทั่วไป

แม่เห็นว่าทั้งมานะและมานี กำลังสนใจกับไร่นาที่อยู่สองข้างทางรถไฟ จึงบอกกับลูกทั้งสองคนว่าเมืองไทยนี้น่าอยู่ ถ้าขยันก็จะมีกินมีใช้ เมืองไหนก็ไม่สบายเหมือนเมืองไทย

มานะเล่าว่า เขาอ่านหนังสือ มีบางตอนที่เขาชอบใจมาก จึงท่องจนจำได้ แล้วเขาก็ท่องให้ฟัง

“แผ่นดิน ผืนนี้ มีค่า

ทำสวน ก็ได้ ไม่จน

ในน้ำ มีกุ้ง ปูปลา

เมืองไทย มีทรัพย์ ในดิน

นึกถึง บุญคุณ ปู่ย่า

พวกเรา จึงได้ เบิกบาน

ต้องฝึก ต้องเตรียม ตัวไว้

ช่วยให้ ไทยอยู่นานไป

ทำนา ทำไร่ ได้ผล

อดทน ทำไว้ ใช้กิน

จับหา มาได้ ทั้งสิ้น

ได้ยิน เรื่องนี้ มานาน

ช่วยกัน รักษา กล้าหาญ

อยู่บ้าน เราได้ อย่างดี

คนไทย ย่อมรู้ หน้าที่

ได้มี ความสุข ทุกคน”

- + - + - + - + - + - + - + -